บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง เพื่อพัฒนาบทเรียนเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดีย (MMWBI) วิชาการใช้โปรแกรมกราฟิก สำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 2 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรี เพื่อนำไปใช้ทดลองกลุ่มตัวอย่างจำนวน 38 คน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพบทเรียน ได้จากคะแนนที่กลุ่มตัวอย่างทำได้จากแบบฝึกหัดท้ายบทเรียน ในแต่ละบทเรียน กับแบบทดสอบหลังเรียน (Posttest) เปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 85/85 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการทำแบบทดสอบก่อนและหลังเรียน ด้วยเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดียวิชาการใช้โปรแกรมกราฟิก ที่พัฒนาขึ้น เพื่อให้การดำเนินการวิจัยมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามขั้นตอน นอกจากนั้นยังได้หาความพึงพอใจของผู้เรียนจากกลุ่มตัวอย่าง โดยผู้วิจัยได้กำหนดวิธีการดำเนินการวิจัยไว้ ดังนี้
- ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
- เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
- การเก็บรวบรวมข้อมูล
- สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร
ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 2 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจวิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรีที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชาการใช้โปรแกรมกราฟิกภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 ทั้งหมด 4 ห้องเรียน จำนวน 150 คน
กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 2 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจวิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรีที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชาการใช้โปรแกรมกราฟิกภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) ด้วยวิธีจับสลากโดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม ได้ 1 ห้องเรียน จำนวน 38 คน เพื่อเป็นกลุ่มตัวอย่างเรียนโดยใช้เว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดีย (MMWBI) วิชาการใช้โปรแกรมกราฟิกที่สร้างขึ้น
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยแบ่งออกเป็น
- บทเรียนการพัฒนาเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดียวิชาการใช้โปรแกรมกราฟิกสำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพของนักเรียนชั้นปีที่2 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจวิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรีซึ่งเป็นบทเรียนผ่านการนำเสนอด้วยข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียงและการปฏิสัมพันธ์
- แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน เป็นแบบทดสอบภาคทฤษฎี ซึ่งประกอบด้วย แบบทดสอบก่อนเรียน ผลการเรียนแบบผู้เรียนตามวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม เป็นแบบปรนัยชนิด 4 ตัวเลือก ตอบถูกได้ 1 คะแนน ตอบผิดได้ 0 คะแนน จำนวน 50 ข้อ ซึ่งผ่านการหาคุณภาพแล้ว จึงนำไปใช้ในบทเรียนการพัฒนาเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดียบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
- แบบประเมินคุณภาพของบทเรียน เป็นแบบประเมินด้านเนื้อหาสาระโดยมีหัวข้อการประเมิน คือ ด้านเนื้อหาวิชา ด้านการดำเนินเรื่อง ด้านการใช้ภาษา ด้านแบบทดสอบและแบบประเมินสื่อด้านเทคนิค วิธีการ โดยหัวข้อการประเมินคือ ด้านการดำเนินเรื่อง ด้านการใช้ภาษาและเสียง ด้านตัวอักษรและสี ด้านแบบทดสอบและด้านการออกแบบบทเรียน
- แบบสอบถามความพึงพอใจในการเรียนด้วยการพัฒนาบทเรียนเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดีย (MMWBI) วิชาการใช้โปรแกรมกราฟิก สำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 2 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรี
การสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
ขั้นตอนการการพัฒนาเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดีย (MMWBI) วิชาการใช้โปรแกรมกราฟิก สำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 2 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรี
- วิเคราะห์เนื้อหา แบ่งขั้นตอนในการดำเนินงาน ดังนี้
1.1 ศึกษาเนื้อหารายวิชาและวิเคราะห์หลักสูตร โดยผู้วิจัยได้รวบรวมเนื้อหาและวิเคราะห์จากคำอธิบายรายวิชา มาตรฐานรายวิชา วัตถุประสงค์รายวิชา การใช้โปรแกรมกราฟิก
1.2 การรวบรวมเนื้อหาและศึกษาข้อมูลปรับปรุงให้ทันสมัย และเป็นปัจจุบันที่เกี่ยวกับรายวิชา จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ หลักสูตรรายวิชาที่กำหนดไว้ หนังสือเอกสารตำราที่เกี่ยวข้อง สอบถามจากอาจารย์ผู้สอน และข้อมูลจากเว็บไซต์ ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และความต้องการของเป้าหมาย รวบรวมเนื้อหา
- ออกแบบเนื้อหา มีขั้นตอนในการดำเนินการ ดังนี้
2.1 ประเมินความสำคัญของหัวเรื่อง
2.2 นำหัวข้อที่ได้มาเขียนแผนภูมิลงในแบบฟอร์ม Network Diagram เพื่อแสดงความสัมพันธ์ของหัวเรื่อง
2.3 การจำแนกวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม และวิเคราะห์ว่าวัตถุประสงค์แต่ละข้อเป็นประเภทความรู้ความจำ (Recall of Knowledge) นำไปประยุกต์ใช้ (Applied Knowledge) หรือถ่ายทอดได้ (Transfer) รวมถึงการวิเคราะห์ว่าเป็นประเภทพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) ทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) หรือจิตพิสัย (Affective Domain) ลงในแบบฟอร์มวิเคราะห์จุดประสงค์
2.4 เมื่อได้เนื้อหาการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่สมบูรณ์แล้ว จึงเขียนวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
2.5 ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาวิเคราะห์วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมแล้วนำมาปรับแก้ไข
2.6 การสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ข้อสอบชนิด 4 ตัวเลือก นำไปวิเคราะห์หาคุณภาพแบบทดสอบ (IOC) มีขั้นตอนในการดำเนินการ ดังภาพที่ 10
ภาพที่ 10 การสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
2.6.1 ร่างแบบสอบถามตามวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมที่กำหนดไว้ แบบทดสอบเป็นแบบปรนัย ชนิด 4 ตัวเลือก แบบทดสอบทั้งหมดที่ร่างมีจำนวน 60 ข้อ
2.6.2 นำแบบทดสอบที่สร้างขึ้นตามจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมเสนอผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการผลิตสื่อ ด้านเนื้อหา และด้านสื่อ 3 ท่าน เพื่อตรวจสอบและพิจารณาความเหมาะสม แล้วทำการปรับปรุงแก้ไข และนำกลับไปให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาอีกครั้งจนเป็นที่น่าพอใจ
2.6.3 นำแบบทดสอบฉบับร่างมาทดลองใช้กับนักเรียนระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรี จำนวน 30 คน ซึ่งเป็นผู้เรียนที่เรียนจบในรายวิชาการใช้โปรแกรมกราฟิกแล้ว
2.6.4 นำบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนไปหาประสิทธิภาพ 85/85 ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1นำบทเรียนเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดียที่สร้างขึ้นไปทดลองกับนักเรียนรายบุคคลจำนวน 3 คน ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง ผู้วิจัยทำการสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนว่าสามารถเรียนได้อย่างคล่องแคล่ว มีความเข้าใจหรือปัญหาในขณะเรียนหรือไม่อย่างไร และทำแบบฝึกหัดระหว่างเรียนและแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นำข้อมูลที่ได้จากการสังเกตของผู้วิจัยมาแก้ไขปรับปรุงเครื่องมือวิจัย
ขั้นที่ 2 นำบทเรียนเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดียที่สร้างขึ้นไปทดลองใช้กับนักเรียนกลุ่มขนาดเล็กที่มีลักษณะใกล้เคียงกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 15คน โดยดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับการทดลองครั้งที่ 1 โดยผู้วิจัยทำการสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนว่าสามารถเรียนได้อย่างคล่องแคล่ว มีความเข้าใจหรือปัญหาในขณะเรียนหรือไม่ อย่างไร และทำ แบบฝึกหัดระหว่างเรียนและแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นำข้อมูลที่ได้จากการสังเกตของผู้วิจัยมาแก้ไขปรับปรุงเครื่องมือวิจัย
ขั้นที่ 3 นำบทเรียนเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดียที่สร้างขึ้นและปรับปรุงแก้ไขแล้ว ไปทดลองกับนักเรียนที่มีลักษณะใกล้เคียงกับกับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน30 คน เพื่อหาประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน โดยให้กลุ่มตัวอย่างเรียนจากบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน แต่ละตอนและให้ทำแบบฝึกหัดระหว่างเรียน เมื่อจบบทเรียนให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นำคะแนนจากการทำแบบฝึกหัดจำนวน 2 ชุดๆ ละ 10 ข้อ และคะแนนจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 50 ข้อ จากนั้นผู้วิจัยนำผลของการศึกษามาหาประสิทธิภาพของเครื่องมือตามเกณฑ์ 85/85 โดยที่
85 ตัวแรก หมายถึง ร้อยละของคะแนนระหว่างเรียนหรือประสิทธิภาพของกระบวนการ( E1)
85 ตัวหลัง หมายถึง ร้อยละของคะแนนหลังเรียนหรือประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2)
2.6.5 นำแบบทดสอบมาตรวจให้คะแนน ด้วยวิธี 0-1 (Zero-One Method) มีเกณฑ์การให้คะแนน คือ ถ้าตอบถูกได้ 1 คะแนน ถ้าตอบผิดหรือไม่ตอบได้ 0 คะแนน
2.6.6 วิเคราะห์หาคุณภาพของข้อสอบ แยกผลคะแนนในลักษณะกลุ่มสูง กลุ่มต่ำ แบ่งกลุ่มผู้เรียน โดยแบ่งกลุ่มละ 33% ของผู้เรียนทั้งหมด จะได้กลุ่มละ 12 คน นักเรียนที่ได้คะแนนสูงสุด 12 คนแรกจะเรียกว่ากลุ่มสูง(NH) และนักเรียนที่ทำคะแนนต่ำสุด12 คน จะเรียกว่ากลุ่มต่ำ (NL)
2.6.7 วิเคราะห์หาค่าระดับความยากง่าย อำนาจจำแนก และความเชื่อมั่นตามสูตร แล้วคัดเลือกข้อมูลที่มีค่าระดับความยากง่าย และค่าอำนาจจำแนกที่อยู่ในเกณฑ์กำหนดคือ มีค่าระดับความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.20-0.80 และค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.20 ขึ้นไป สามารถนำมาใช้ในการสร้างแบบทดสอบในเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดีย (MMWBI) วิชาการใช้โปรแกรมกราฟิก และใช้เป็นแบบทดสอบก่อนเรียน แบบฝึกหัดระหว่างเรียน และแบบทดสอบหลังเรียน เมื่อผู้เรียนเรียนจบแล้ว
ผลการวิเคราะห์ค่าระดับความยากง่าย และอำนาจจำแนกของแบบทดสอบจำนวน 50 ข้อ ที่มีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา ซึ่งผลการวิเคราะห์สรุปได้ดังในตารางที่ 1
ตารางที่ 1 สรุปค่าระดับความยากง่ายและค่าอำนาจจำแนกของแบบทดสอบ จำนวน 50 ข้อ
รายการ |
ค่าระดับความยากง่าย |
ค่าอำนาจจำแนก |
ช่วงค่า |
ค่าเฉลี่ย |
ช่วงค่า |
ค่าเฉลี่ย |
แบบทดสอบ 50 ข้อ |
0.20-0.80 |
0.73 |
0.20-0.60 |
0.32 |
จากตารางที่ 1 ผลการวิเคราะห์แบบทดสอบทั้งหมดมี 50 ข้อ พบว่า มีค่าความยากง่ายอยู่ในช่วง 0.20-0.80 โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.73 แสดงว่า เป็นแบบทดสอบที่มีค่าความยากง่ายค่อนข้างง่าย ส่วนค่าอำนาจจำแนกมีค่าอยู่ระหว่าง 0.20-0.601 โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.32 จัดว่าเป็นข้อสอบที่มีคุณภาพดีมาก แบบทดสอบ 50 ข้อ สามารถนำมาใช้เป็นแบบทดสอบก่อนเรียน แบบฝึกหัดระหว่างเรียนและแบบทดสอบหลังบทเรียนของเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดีย (MMWBI) วิชาการใช้โปรแกรมกราฟิกได้
2.6.7 วิเคราะห์หาค่าความเชื่อมั่น (Reliability) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 50 ข้อ ได้ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.95 โดยใช้สูตรKR-20 ของ Kuder Richardson (มนต์ชัย เทียนทอง, 2545, น.235)
2.6.8 นำแบบทดสอบที่คัดเลือกไว้เพื่อใช้เป็นแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ในการทดลอง
- การออกแบบตัวบทเรียน (Courseware) มีขั้นตอนในการดำเนินงานดังนี้
3.1 เขียนบทดำเนินเรื่อง (Storyboard) ในการพัฒนาเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดียวิชาการใช้โปรแกรมกราฟิกโดยจัดทำเป็นรายละเอียด เป็นสคริปต์เนื้อหา ตามหัวข้อที่กำหนดของหน่วยการเรียน
3.2 การออกแบบหน้าจอโครงร่าง (Template) และบทดำเนินเรื่อง ดังแสดงตัวอย่างจากภาพที่ 11โดยโปรแกรม Captivate 6 โดยกำหนดความละเอียดของการแสดงผลที่ 1024×768 Pixel
3.3 ให้ที่ปรึกษาสารนิพนธ์ตรวจสอบแล้วแนะนำการแก้ไขปรับปรุงจนถูกต้อง
ภาพที่ 11 การออกแบบหน้าจอหลัก
ภาพที่ 12 การออกแบบสมัครสมาชิก
ภาพที่ 13 การออกแบบแสดงตำแหน่งลำดับโครงสร้างบทเรียน
ภาพที่ 14 การออกแบบหน้าจอแสดงเนื้อหา
ภาพที่ 15 การออกแบบหน้าจอแบบทดสอบ
- พัฒนาบทเรียน เริ่มจากใช้จัดเตรียมทรัพยากรและส่วนประกอบด้านมัลติมีเดียต่างๆ เช่น ข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง การเลือกโปรแกรมที่ใช้ในการสร้างและพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เช่น โปรแกรม Adobe Captivate เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การสร้างสื่อ CAI ในระบบมัลติมีเดียที่ง่าย รวดเร็ว และสะดวกในการเผยแพร่ชิ้นงานในรูปแบบ Flash (SWF) HTML CD-ROM และไฟล์ที่ดำเนินการได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีกระบวนการ Set Upหรือไฟล์ EXE เหมาะสำหรับการใช้งาน e-learning หรือการสอน Online โปรแกรมมีความสามารถในการรองรับไฟล์มัลติมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ภาพ เสียง ภาพยนตร์ บรรยาย ไมโครโฟน พร้อมการจับหน้าจอภาพ การตัดต่อวีดีโอ โปรแกรม Camtasia Studio7 เป็นต้น โดยมีโปรแกรม PHP เป็นเครื่องมือพื้นฐานในการเขียนโปรแกรมและฐานข้อมูลที่เป็นตัวจัดเก็บคะแนนสอบของผู้เรียนด้วย MySQL เป็นต้น
- สร้างแบบประเมินคุณภาพเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดียเพื่อใช้วัดความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค
- สร้างแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดียที่สร้างขึ้นซึ่งมีขั้นตอนการดำเนินการ ดังนี้
ภาพที่ 16 การสร้างแบบประเมินคุณภาพและแบบประเมินความพึงพอใจ
6.1 รวบรวมข้อมูลที่ได้จากการศึกษาข้อมูล ได้แก่ การสร้างแบบสอบถามความคิดเห็น รูปแบบของแบบสอบถาม วิธีการใช้งานและข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางการสร้างแบบสอบถาม
6.2 ร่างแบบสอบถามวัดความคิดเห็นสำหรับผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินคุณภาพของบทเรียนที่สร้างขึ้น แบ่งเป็นแบบสอบถามด้านเนื้อหาจำนวน 4 ข้อ ผู้เชี่ยวชาญประเมิน 3 ท่าน และแบบสอบถามด้านเทคนิค จำนวน 5 ข้อ ผู้เชี่ยวชาญประเมิน 3 ท่าน และแบบประเมินความพึงพอใจสำหรับนักเรียน จำนวน 15 ข้อ กลุ่มผู้เรียน 38 คน
6.3 ผู้วิจัยได้ทำการวิเคราะห์ประเด็นต่าง ๆ ที่ต้องการจะให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินเกี่ยวกับเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดียวิชาการใช้โปรแกรมกราฟิก มีแบบสอบถามความคิดเห็นสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา 4 ด้าน แบบสอบถามความคิดเห็นสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค 5 ด้าน และแบบสอบถามความพึงพอใจสำหรับผู้เรียน 15 ข้อ ดังนี้
6.3.1 แบบสอบถามความคิดเห็นสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา
1) เนื้อหาวิชา
ก) ความสมบูรณ์ของวัตถุประสงค์
ข) ความสอดคล้องระหว่างเนื้อหากับวัตถุประสงค์
ค) ความถูกต้องของเนื้อหาในแต่ละบทเรียง
ง) ความถูกต้องของเนื้อหา
จ) ลำดับขั้นในการนำเสนอเนื้อหา
ฉ) ความชัดเจนในการอธิบายเนื้อหา
ช) ความเหมาะสมของเนื้อหากับระดับของผู้เรียน
2) การดำเนินเรื่อง
ก) ความเหมาะสมของลำดับขั้นการนำเสนอเนื้อหา
ข) ความชัดเจนในการดำเนินเรื่อง
ค) ความน่าสนใจในการดำเนินเรื่อง
ง) การนำเสนอสื่อมีความสอดคล้องกับเนื้อหา
3) การใช้ภาษา
ก) ความถูกต้องของภาษาที่ใช้
ข) ความเหมาะสมของภาษาที่ใช้กับวัยผู้เรียน
ค) ความชัดเจนของภาษาที่ใช้สื่อความหมาย
4) แบบทดสอบ
ก) ความชัดเจนของคำสั่งและคำถามของแบบทดสอบ
ข) ความสอดคล้องระหว่างแบบทดสอบกับจุดประสงค์โดยรวม
ค) ความสอดคล้องระหว่างแบบทดสอบกับจุดประสงค์
ง) ความครอบคลุมระหว่างแบบทดสอบกับจุดประสงค์
จ) ความเหมาะสมของชนิดแบบทดสอบที่เลือกใช้
ฉ) ความเหมาะสมของคำถาม
ช) ความถูกต้องของคำตอบและความเหมาะสมของตัวเลข
ซ) ความสะดวกของวิธีการโต้ตอบแบบทดสอบ เช่น การใช้เมาส์คลิก การเคลื่อนที่เมาส์ การใช้แป้นพิมพ์ เป็นต้น
ฌ) ความถูกต้องของวิธีการรายงานและคะแนนแต่ละข้อของแบบทดสอบ
ฎ) ความถูกต้องของวิธีการสรุปผลคะแนนรวม
6.3.2 แบบสอบถามความคิดเห็นสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค
1) เนื้อหาและการดำเนินเรื่อง
ก) ลำดับขั้นในการนำเสนอเนื้อหา
ข) ความชัดเจนในการอธิบายเนื้อหา
ค) ความน่าสนใจในการดำเนินเรื่อง
2) ภาพ ภาษา และเสียง
ก) ความตรงตามเนื้อหาของภาพที่นำเสนอ
ข) ขนาดของภาพที่ใช้ประกอบบทเรียน
ค) ภาพกราฟิกที่ใช้ประกอบการสอน
ง) ภาพเคลื่อนไหวที่ใช้ประกอบการเรียน
จ) เสียงบรรยายที่ใช้ประกอบการเรียน
ฉ) ความถูกต้องของภาษาที่ใช้
3) ตัวอักษรและสี
ก) รูปแบบของตัวอักษรที่ใช้การนำเสนอ
ข) ขนาดของตัวอักษรที่ใช้ในการนำเสนอ
ค) สีของตัวอักษรโดยภาพรวม
ง) สีของพื้นหลังบทเรียน โดยภาพรวม
จ) สีของภาพและกราฟิก โดยภาพรวม
4) แบบทดสอบ/แบบทดสอบหลังบทเรียน
ก) ความสอดคล้องระหว่างแบบทดสอบกับเนื้อหา
ข) วิธีการโต้ตอบแบบทดสอบหลังบทเรียน
ค) การรายงานผลคะแนนแต่ละข้อของแบบ
ง) การสรุปผลคะแนนรวมหลังแบบทดสอบ
5) การจัดการบทเรียน
ก) การนำเสนอชื่อเรื่องหลักของบทเรียน
ข) การนำเสนอชื่อเรื่องย่อยของบทเรียน
ค) สิ่งอำนวยความสะดวกของบทเรียน เช่น การแจ้งเวลา การเสนอชื่อบทเรียน
ง) การออกแบบหน้าจอ โดยภาพรวม
จ) ความน่าสนใจชวนให้ติดตามบทเรียน
ฉ) ความสมบูรณ์ของระบบการจัดการฐานข้อมูล
ช) ความเหมาะสมของระบบการช่วยเหลือผู้เรียน
ซ) การใช้ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ในการจัดการบทเรียน
ฌ) การจัดการบทเรียน โดยภาพรวม
6.3.3 แบบสอบถามความพึงพอใจสำหรับผู้เรียน
1) ความชัดเจนของวัตถุประสงค์
2) สามารถเรียนรู้ได้ตามจุดประสงค์
3) เนื้อหาครอบคลุมหลักสูตร
4) เนื้อหาอ่านเข้าใจง่าย
5) การเรียงลำดับของเนื้อหาสอดคล้องเหมาะสม
6) ปริมาณของเนื้อหาแต่ละหน่วยมีความเหมาะสม
7) ภาพชัดเจนสวยงามง่ายต่อการเข้าใจ
8) เสียงอธิบายชัดเจนง่ายต่อการเข้าใจ
9) แบบฝึกหัดช่วยให้เข้าใจบทเรียนง่ายขึ้น
10) ความชัดเจนของข้อคำถาม คำตอบ
11) ความเหมาะสมของกิจกรรมกับเวลาที่กำหนด
12) เกณฑ์การให้คะแนนมีความชัดเจน
13) การประเมินผลตามสภาพจริงที่เน้นการเรียนรู้
14) ระยะเวลาในการเรียนแต่ละหัวข้อเหมาะสม
15) กระบวนการจัดการเรียนรู้
6.4 การกำหนดมาตราส่วน ประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) ตามแบบของ ลิเคอร์ท (Likert, 1932) มีเกณฑ์ดังนี้
เห็นด้วยในระดับ 5 หมายถึง มากที่สุด
เห็นด้วยในระดับ 4 หมายถึง มาก
เห็นด้วยในระดับ 3 หมายถึง ปานกลาง
เห็นด้วยในระดับ 2 หมายถึง น้อย
เห็นด้วยในระดับ 1 หมายถึง น้อยที่สุด
การวิเคราะห์ของค่าเฉลี่ยเทียบกับเกณฑ์การประเมินที่ได้จากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ และผู้เรียน (บุญชม ศรีสะอาด, 2554)
ค่าเฉลี่ย 4.50 – 5.00 หมายถึง อยู่ในเกณฑ์ ดีมาก
ค่าเฉลี่ย 3.50 – 4.49 หมายถึง อยู่ในเกณฑ์ ดี
ค่าเฉลี่ย 2.50 – 3.49 หมายถึง อยู่ในเกณฑ์ ปานกลาง
ค่าเฉลี่ย 1.50 – 2.49 หมายถึง อยู่ในเกณฑ์ พอใช้
ค่าเฉลี่ย 1.00 – 1.49 หมายถึง อยู่ในเกณฑ์ ควรปรับปรุง
6.5 ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โดยพิจารณาความเหมาะสมของการเขียนข้อคำถามความครอบคลุมเนื้อหา สิ่งที่ต้องการวัด ใช้แล้วนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องตามที่ได้รับคำแนะนำ
6.6 ผู้วิจัยจึงจัดพิมพ์แบบสอบถามฉบับสมบูรณ์ เพื่อนำไปใช้สอบถามความคิดเห็นสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิควิธีการ และสอบถามความพึงพอใจสำหรับผู้เรียน
- วิธีการประเมินเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดีย (MMWBI) วิชาการใช้โปรแกรมกราฟิกสำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 2 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรี โดยนำบทเรียนไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคตรวจสอบ
7.1 ผลการประเมินคุณภาพของเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดียวิชาการใช้โปรแกรมกราฟิกสำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 2 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรีโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาและเทคนิค/วิธีการด้านละ 3 ท่าน ผลปรากฏดังตารางที่ 2
ตารางที่ 2 ผลการประเมินคุณภาพของเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดีย(MMWBI) วิชาการใช้โปรแกรมกราฟิกสำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ของนักเรียนชั้นปีที่ 2 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรีโดยผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 กลุ่ม
ผลการประเมินคุณภาพของสื่อการสอนโดยผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 กลุ่ม |
ผู้เชี่ยวชาญ |
จำนวน |
|
S.D. |
ระดับความคิดเห็น |
ด้านเนื้อหา |
3 |
4.48 |
0.53 |
ดี |
ด้านเทคนิคและวิธีการ |
3 |
4.44 |
0.56 |
ดี |
จากตารางที่ 2 แสดงให้เห็นว่าผลการประเมินความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ และความพึงพอใจของผู้เรียนด้วยเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดีย (MMWBI) วิชาการใช้โปรแกรมกราฟิกสำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ของนักเรียนชั้นปีที่ 2 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรีพบว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาจำนวน 3 ท่าน โดยมีค่าเฉลี่ยรวม มีค่าเท่ากับ 4.48 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 0.53 ระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับดี ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิควิธีการ จำนวน 3 ท่าน โดยมีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 4.44 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานมีค่าเท่ากับ 0.56 ระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับดี (รายละเอียดแสดงในภาคผนวก ง หน้า 116-126)
การเก็บรวบรวมข้อมูล
การวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) เพื่อทดสอบประสิทธิภาพและเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของบทเรียนการพัฒนาเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดีย(MMWBI) วิชาการใช้โปรแกรมกราฟิก โดยใช้แผนการทดลองแบบ One-Group Pretest-Posttest Design ใช้ระยะเวลาดำเนินการทดลองตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2556 –กรกฎาคม2556 ผู้วิจัยได้ทำการดำเนินการทดลองที่ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 2 ปีการศึกษา 2556 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรี จำนวน 38 คน รายละเอียดในการดำเนินการทดลอง และเก็บข้อมูล มีดังนี้
- ติดตั้งบทเรียนการพัฒนาเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดีย(MMWBI) วิชาการใช้โปรแกรมกราฟิกที่สร้างขึ้นไว้บนเว็บไซด์
- แจ้งกลุ่มตัวอย่างทราบล่วงหน้าก่อนการทดลอง
- จัดเตรียมห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ โดยใช้คอมพิวเตอร์ 38 เครื่อง กลุ่มตัวอย่างจำนวน 38 คน
- ผู้วิจัยแนะนำวิธีการใช้เว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดีย (MMWBI) วิชาการใช้โปรแกรมกราฟิกสำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพของนักเรียนชั้นปีที่ 2 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรีจากนั้นแนะนำวิธีการเริ่มเรียนบทเรียน วิธีการเรียน การควบคุมบทเรียน ลักษณะของการปฏิสัมพันธ์กับบทเรียน การนำเข้าสู่เนื้อหาย่อย วิธีการทำแบบทดสอบและการคิดคะแนน
- ผู้วิจัยดำเนินการทดลองเครื่องมือกับกลุ่มตัวอย่าง โดยให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน จากนั้นเริ่มเรียนบทเรียน เมื่อเรียนจบแต่ละบทเรียนผู้เรียนต้องทำแบบฝึกหัดระหว่างเรียนจนครบทั้ง 2 หน่วยการเรียน ต่อจากนั้นผู้เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน หลังจากนั้นผู้เรียนได้รับใบงานภาคปฏิบัติเดี่ยวและใบงานภาคปฏิบัติกลุ่ม โดยผู้เรียนต้องใช้การประชุมปรึกษางานกลุ่มกันโดยใช้ Google Hang Out แชร์งานผ่าน Google Drive แสดงงานผ่านGoogle+ และประเมินผลงานตนเองผลงานเพื่อนและครูประเมิน ซึ่งคะแนนทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ จะถูกนำมารวมกันเป็นผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการของการเรียนด้วยเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดีย (MMWBI) วิชาการใช้โปรแกรมกราฟิกสำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 2 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรี
- หลังจากกลุ่มตัวอย่างทำแบบทดสอบหลังเรียนแล้ว ผู้วิจัยแจกแบบสอบถามความพึงพอใจของบทเรียน สำหรับผู้เรียนที่ใช้บทเรียนเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดีย (MMWBI) วิชาการใช้โปรแกรมกราฟิกสำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 2 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรีที่สร้างขึ้น
- รวบรวมข้อมูลคะแนนของการทำแบบทดสอบก่อนเรียน แบบฝึกหัดระหว่างเรียนแต่ละหน่วยการเรียน และแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อนำคะแนนทั้งหมดไปวิเคราะห์ข้อมูลหาประสิทธิภาพของบทเรียน และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความพึงพอใจของผู้เรียน
- วิเคราะห์ข้อมูลสรุปผล
8.1 หาประสิทธิภาพของบทเรียนจากคะแนนเฉลี่ยของแบบฝึกหัดระหว่างเรียนแต่ละบทเรียน และแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อประเมินผล (E1, E2) ที่เกณฑ์ 85/85
8.2 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนก่อนเรียนกับหลังเรียนบทเรียน
8.3 ประเมินค่าระดับความพึงพอใจของผู้เรียนหลังใช้บทเรียนเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดีย (MMWBI) วิชาการใช้โปรแกรมกราฟิกสำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 2 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรีและหาค่าคะแนนเฉลี่ย (Mean) และหาค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
ในการวิจัยครั้งนี้ มีการจัดทำข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติต่าง ๆ ดังนี้
- สถิติพื้นฐาน
1.1 ค่าเฉลี่ย (Mean) (วาโร เพ็งสวัสดิ์, 2551, น.284)
![](http://www.bsru.ac.th/identity/wp-content/uploads/2018/05/010.png)
- วิเคราะห์คุณภาพของแบบทดสอบ
2.1 การวิเคราะห์หาความยากง่าย (Difficulty)
![](http://www.bsru.ac.th/identity/wp-content/uploads/2018/05/011.png)
![](http://www.bsru.ac.th/identity/wp-content/uploads/2018/05/012.png)
2.2 วิเคราะห์หาค่าอำนาจจำแนก ประสิทธิภาพของข้อสอบในการจำแนกผู้เข้าสอบออกเป็นกลุ่มเก่งและกลุ่มอ่อน (วาโร เพ็งสวัสดิ์, 2551, น.238)
![](http://www.bsru.ac.th/identity/wp-content/uploads/2018/05/013.png)
2.3 การหาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ (Reliability) ใช้สูตร KR-20 ของ คูเดอร์ ริชาร์ดสัน (Kuder – Richardson Formular 20) (วาโร เพ็งสวัสดิ์, 2551, น.240)
![](http://www.bsru.ac.th/identity/wp-content/uploads/2018/05/014.png)
2.4 การหาค่าความแปรปรวน (บุญใจ ศรีสถิตย์นรากูร, 2555, น.285)
![](http://www.bsru.ac.th/identity/wp-content/uploads/2018/05/015.png)
2.5 การหาค่าความเที่ยงตรงของแบบทดสอบ โดยหาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างจุดประสงค์ จากสูตรการหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item-objective Congruence : IOC) (พิสุทธา อารีราษฎ์, 2551, น.120)
![](http://www.bsru.ac.th/identity/wp-content/uploads/2018/05/016-1.png)
- การวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของบทเรียนเว็บช่วยสอนระบบมัลติมีเดีย(MMWBI) (เพชราวดี จงประดับเกียรติ, 2551, ออนไลน์)
![](http://www.bsru.ac.th/identity/wp-content/uploads/2018/05/017.png)
- เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ทดสอบความแตกต่างของคะแนนจากการเรียนของผู้เรียนที่ทำแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้สถิติแบบ t-test แบบจับคู่ (Matched-paired T-test) สำหรับกลุ่มตัวอย่างที่ไม่เป็นอิสระต่อกัน (ณัฐกร สงคราม, 2553, น.143)
![](http://www.bsru.ac.th/identity/wp-content/uploads/2018/05/018.png)
![](http://identity.bsru.ac.th/wp-content/plugins/page-views-count/ajax-loader.gif)