สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
1. สถิติพื้นฐาน
1.1 ค่าเฉลี่ย (Mean) (วาโร เพ็งสวัสดิ์, 2551, น.284)
1.2 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) (วาโร เพ็งสวัสดิ์, 2551, น.296)
2. วิเคราะห์คุณภาพของแบบทดสอบ
2.1 หาค่าความเที่ยงตรงตามเนื้อหาหรือค่าความสอดคล้องระหว่างวัตถุประสงค์กับแบบทดสอบ (Index of Item-objective Congruence: IOC) (มนต์ชัย เทียนทอง, 2554, น.194)
ค่า IOC จะต้องเกินกว่า 0.5 ขึ้นไป แสดงว่าข้อสอบข้อนั้นคัดเลือกไว้ใช้ได้ถ้าค่า IOC ต่ำกว่า 0.5 ควรพิจารณาปรับปรุงหรือตัดทิ้ง
2.2 หาค่าความยากง่าย (มนต์ชัย เทียนทอง, 2554, น.207-208)
โดยที่ P แทน ค่าความยากง่ายของแบบทดสอบ
R แทน จำนวนผู้เรียนที่ตอบข้อคำถามข้อนั้นถูกต้อง
N แทน จำนวนผู้เรียนทั้งหมด
ขอบเขตของค่ายากง่าย หรือค่า P มีค่าระหว่าง 0 ถึง 1
P ≥0.81 หมายถึง เป็นข้อสอบที่ง่ายมาก
P 0.61-0.80 หมายถึง เป็นข้อสอบที่ค่อนข้างง่าย (ใช้ได้)
P 0.41-0.60 หมายถึง เป็นข้อสอบที่ยาก–ง่ายปานกลาง (ดี)
P 0.21-0.40 หมายถึง เป็นข้อสอบที่ค่อนข้างยาก (ใช้ได้)
P≤0.20 หมายถึง เป็นขอสอบที่ยากมาก
ดังนั้น การเลือกความยากง่ายของข้อสอบแต่ละข้อควรอยู่ระหว่าง 0.20-0.80
2.3 หาค่าอำนาจจำแนก (Discrimination) (มนต์ชัย เทียนทอง, 2554, น.208-209)
โดยที่ D แทน ค่าอำนาจจำแนก
RH แทน จำนวนกลุ่มตัวอย่างที่ตอบถูกในกลุ่มเก่ง
RL แทน จำนวนกลุ่มตัวอย่างที่ตอบผิดในกลุ่มอ่อน
N แทน จำนวนกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด
เกณฑ์ของอำนาจจำแนกมีดังนี้
D >0.40 ขึ้นไป หมายถึง มีอำนาจจำแนกดีมาก
D 0.30-0.39 หมายถึง มีอำนาจจำแนกดี
D 0.20-0.29 หมายถึง มีอำนาจจำแนกพอใช้ แต่ควรนำไปปรับปรุงใหม่อีกครั้งหนึ่ง
D <0.19 หมายถึง มีอำนาจจำแนกไม่ดี ต้องตัดทิ้งไป
2.4 หาค่าความแปรปรวน (บุญใจ ศรีสถิตย์นรากูร, 2555, น.285)
2.5 หาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ (Reliability) โดยใช้สูตรคูเดอร์–ริชาร์ดสัน (KR -20) (วาโร เพ็งสวัสดิ์, 2551, น.240)
แบบทดสอบที่มีความเชื่อมั่นใกล้ +1. 00 โดยค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบที่เชื่อถือได้
แบบทดสอบที่มีความเชื่อมั่น 0.00 หรือใกล้เคียง -1.00 แสดงว่าแบบทดสอบนั้นไม่มีความเชื่อมั่น คะแนนที่ได้จากแบบทดสอบเชื่อถือไม่ได้