ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือและการหาคุณภาพของเครื่องมือ
1. บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตวิชาภาษาไทย
1.1 ศึกษาเนื้อหาวิชาภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ซึ่งเป็นหนังสือที่วิชาภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประถมสาธิต มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ใช้ในการประกอบการเรียนการสอน โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็น 2 หน่วยการเรียนรู้ ดังนี้
มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนินชีวิตและมีนิสัยรักการอ่าน
มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทยการเปลี่ยนแปลงและพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ
1.2 วิเคราะห์เนื้อหา และทำการกำหนดจุดประสงค์ให้สอดคล้องและครอบคลุมเนื้อหาวิชา และนำเนื้อหาวิชามาสร้างความสัมพันธ์ โดยใช้วิธีแบบแผนภูมิปะการัง (Coral Pattern)
1.3 การออกแบบเนื้อหามีขั้นตอนในการดำเนินการ ดังนี้
1) นำข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์เนื้อหามาประเมินความสำคัญของเนื้อหาโดยใช้แบบฟอร์มการประเมินความสำคัญของหัวข้อเนื้อหา (Topic Evaluation Sheet) เพื่อพิจารณาตัดสินใจยอมรับหรือตัดทิ้งหัวเรื่องเป็นรายข้อ
2) ทำการจัดลำดับความสำคัญของเนื้อหา (Network Diagram) เพื่อแสดงลำดับความต่อเนื่องและความสัมพันธ์ของเนื้อหาและความสัมพันธ์ของเนื้อหาแต่ละส่วน
3) ทำการวิเคราะห์วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม ลงในแบบฟอร์มวิเคราะห์จุดประสงค์ (Objective Analysis Listing Form) เพื่อจำแนกระดับของวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม ทั้ง 3 ด้าน
4) นำเสนออาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อตรวจสอบ และนำมาปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง เหมาะสมก่อนนำไปสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
1.4 สร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีขั้นตอน ดังนี้
1) ออกแบบเค้าโครงร่างของหน้าจอภาพของบทเรียน
2) ออกแบบผังงานของบทเรียน (Flowchart)
3) เขียนบทดำเนินเรื่อง (Story board) ในการทำบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน โดยจัดทำเป็นรายละเอียดเป็นสคริปต์เนื้อหา ตามหัวข้อที่กำหนดของหน่วยการเรียนรู้
1.5 นำเสนออาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อตรวจสอบ และนำมาปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง เหมาะสม
1.6 นำเสนอผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาและด้านเทคนิค และนำมาปรับแก้ไขให้ถูกต้องเหมาะสม
1.7 นำบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมาปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องตามข้อเสนอแนะเพื่อหาประสิทธิภาพต่อไปโดยทำการทดลอง 3ครั้ง ช่วงเวลา ธันวาคม 2557 – มกราคม 2558 มีการทดลอง 3 รอบ ก่อนนำไปใช้
1) การทดลองครั้งที่ 1 รายบุคคล จำนวน 3 คน (เก่ง ปานกลาง อ่อน อย่างละ 1 คน)
2) การทดลองครั้งที่ 2 กลุ่มย่อย จำนวน 15 คน (เก่ง ปานกลาง อ่อน อย่างละ 5 คน)
3) การทดลองครั้งที่ 3 ภาคสนาม จำนวน 30 คน (ทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง)