ชะมวง เป็นทั้งผักและสมุนไพรหลายสรรพคุณ
ผศ.วิชัย ปทุมชาติพัฒน์
ความนำ คนทั่วไปส่วนใหญ่รู้จัก“ชะมวง”เฉพาะชื่อเท่านั้น แต่ไม่เคยเห็นต้นชะมวง เพราะใบชะมวงเป็นส่วนผสมของอาหารที่มีชื่อเสียงโด่งดังชื่อ“แกงหมูชะมวง”ของจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดใกล้เคียงนั่นเอง อาหารชนิดนี้ได้รับความนิยมด้วยรสชาติที่กลมกล่อม มีทั้งรสเปรี้ยวรสหวานมันเค็มในชามเดียวกัน ทำให้แพร่หลายไปทั่วประเทศ “ชะมวง”ก็ได้รับการกล่าวขานถึงมากขึ้นด้วย เนื่องจากชะมวงเป็นพันธุ์ไม้ที่ชอบอากาศร้อนชื้น มีปริมาณน้ำฝนตลอดปีสูง จึงเจริญเติบโตได้ดีในจังหวัดทางภาคตะวันออกและจังหวัดทางภาคใต้ เช่นเดียวกันกับมังคุดซึ่งเป็นพืชในวงศ์เดียวกัน โอกาสที่ประชาชนทั่วไปจะเห็นต้นชะมวงจึงมีน้อย และด้วยลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของชะมวงเป็นพืชที่มีดอกแยกเพศผู้และเพศเมียอยู่คนละต้น ทำให้โอกาสที่จะติดผลเพื่อแพร่พันธุ์ยากขึ้น เกษตรกรผู้ปลูกจึงต้องปลูกชะมวงจำนวนหลายต้นเพื่อให้มีโอกาสได้ต้นที่มีเพศเมียและต้นที่มีเพศผู้ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อให้ติดผลสำหรับขยายพันธุ์ บทความนี้จะแนะนำให้รู้จักต้นชะมวงและส่วนประกอบต่างๆของต้นชะมวง พร้อมภาพประกอบที่ไปถ่ายมาจากแหล่งปลูกที่จังหวัดจันทบุรี นอกจากนี้ยังบอกประโยชน์และสรรพคุณทางสมุนไพรโดยสรุปให้เข้าใจได้ง่าย
ชะมวง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Garcinia cowa Roxb. ex Choisy
ชื่อวงศ์ GUTTTIFERACEAE หรือ CLUSIACEAE
ชื่อสามัญ Cowa
ชื่ออื่น หมากโมง (อุดรธานี), กะมวง (ใต้), ส้มมวง (นครศรีธรรมราช) ส้มโมง
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ต้นไม่พลัดใบ ลำต้นสูง 15-20 เมตร เปลือกเรียบ สีน้ำตาลอมเทา เมื่ออายุมากเปลือกจะแตกเป็นสะเก็ด มียางสีเหลือง ต้นแตกกิ่งในระดับต่ำ ใต้เปลือกเป็นสีแดงหรือออกชมพูเข้มมีน้ำยางสีเหลือง ใบเดี่ยว แตกใบมากบริเวณปลายกิ่ง ใบออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน เป็นมุมฉาก ใบรูปรี ค่อนข้างหนา แต่กรอบ กว้าง 2.5-5 ซม. ยาว 8-13 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบมน แผ่นใบเรียบ เป็นมัน ขอบใบเรียบ มองเห็นเส้นใบไม่ชัดเจน ก้านใบยาว 0.5-1 ซม. ใบอ่อนหรือยอดอ่อนมีสีม่วงแดง ใบแก่มีสีเขียวอ่อน และสีเขียวเข้มตามอายุใบ ใบมีรสเปรี้ยว ดอกเดี่ยว ขนาดเล็ก ออกเป็นกระจุกตามซอกใบ และกิ่ง ดอกมีสีเหลืองนวล ด้านในดอกมีสีชมพูหรือม่วงแดง กลีบดอกมี 4 กลีบ ค่อนข้างแข็ง ขนาดกลีบเท่ากับกลีบเลี้ยง ดอกบานมีกลิ่นหอม ดอกเพศผู้ และตัวเพศเมียแยกต้นกัน ดอกเพศผู้มักออกตามซอกใบและกิ่งกลุ่มละ 3-8 ดอก ส่วนดอกเพศเมียออกบริเวณปลายยอดกลุ่มละ 2-5 ดอก ติดดอกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ผลสด มีลักษณะกลม เบี้ยวเล็กน้อย ผิวผลเรียบเป็นมัน ด้านบนผลบุ๋มลง และมีกลีบเลี้ยง 4-8 แฉกติดอยู่ที่ขั้วผล ผลมีร่องเป็นพูตื้นๆจากขั้วผลลงไปที่ก้นผล 5-8 ร่อง ขนาดผล 2.5-5.0 ซม. ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน ผลอ่อนมีสีเขียว ผลแก่เมื่อสุกมีสีเหลือง เมื่อสุกจัดมีสีเหลืองออกส้ม เปลือกผลมียางสีเหลือง เนื้อหุ้มเมล็ดสีเหลือง ฉ่ำน้ำ เนื้อผลดิบมีรสฝาดอมเปรี้ยว เมื่อสุกออกเปรี้ยวมากกว่า เมล็ดแบนรี 4-6 เมล็ดต่อผล
แหล่งกระจายพันธุ์ ในป่าดิบชื้นตามที่ลุ่มต่ำทางภาคใต้ ภาคตะวันออก และทางภาคตะวันออกเฉียงใต้
การขยายพันธุ์ เพาะกล้าจากเมล็ด เก็บผลสุกที่ร่วงลงมาจากต้น นำมาแกะเปลือก แยกเอาเมล็ดมาตากแห้ง 5-7 วัน แล้วนั้นจึงนำไปเพาะในถุงเพาะชำ โดยใช้เนื้อดินผสมกับแกลบดำและขุยมะพร้าว ในอัตราส่วน 1:1:1
ประโยชน์
- ใบชะมวงอ่อน และยอดอ่อนมีรสเปรี้ยว ใช้นำมาปรุงอาหารประเภทต้มยำ แกงส้ม หมูชะมวง ต้มเนื้อเปื่อย แกงอ่อม และแกงที่ต้องการรสเปรี้ยว เมื่อถูกความร้อนใบจะกรอบนุ่ม
- ใบชะมวงอ่อน และยอดอ่อน ใช้รับประทานสดกับลาบ แหนมเนือง หรือเป็นผักจิ้มน้ำพริก
- ผลแก่มีรสเปรี้ยว ใช้รับประทานเป็นผลไม้
- เนื้อไม้นำมาแปรรูปเป็นไม้ก่อสร้าง สร้างบ้านเรือน และทำเป็นเฟอร์นิเจอร์
- เนื้อไม้ และกิ่ง ใช้เป็นฝืนหุงหาอาหาร
- ปลูกเป็นไม้ประดับเพื่อให้ร่มเงา
- เปลือกต้นและยางให้สีเหลืองที่เหมาะสำหรับการนำมาใช้สกัดทำสีย้อมผ้า
- น้ำยางสีเหลืองจากต้นชะมวง นำมาใช้ผสมในน้ำมันชักเงาได้
สรรพคุณของชะมวง
- ผลอ่อนช่วยฟอกโลหิต ช่วยแก้เสมหะ กัดเสมหะ กัดฟอกเสมหะ
- ผล ใบ ดอก ช่วยรักษาธาตุพิการ ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ ช่วยแก้อาการไอ
- ราก ใบ และผลอ่อนมีรสเปรี้ยว เป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้ตัวร้อน
- รากช่วยถอนพิษไข้ ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ
- ผลอ่อน ใบ ดอกใช้เป็นยาระบายท้อง
- ดอกช่วยในการย่อยอาหาร
- ใบช่วยขับโลหิตระดูของสตรี ช่วยแก้ดีพิการ
- แก่นใช้ฝนหรือแช่กับน้ำดื่ม ช่วยแก้อาการเหน็บชา
- สาร“ชะมวงโอน”(Chamuangone)มีฤทธิ์ในการต้านมะเร็งได้ดี ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคทางเดินอาหาร ช่วยยับยั้งเชื้อโพรโทซัว
อ้างอิง
https://medthai.com
http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=219
http://puechkaset.com/%E0%
https://th.wikipedia.org/wiki
https://www.samunpri.com/%