ถนิมพิมพาภรณ์
ถนิมพิมพาภรณ์ หมายถึง เครื่องประดับ ซึ่งประกอบด้วย
– จี้นาง ลักษณะเป็นสามเหลี่ยมกว้าง 5 นิ้ว ยาว 4 นิ้ว ฉลุลวดลายประดับพลอย เคียงพร้อมสายโลหะประดับพลอยเช่นเดียวกัน ความยาวประมาณ 15 นิ้ว
– หัวเข็มขัด โลหะ 3 ชั้นชุบทอง ประดับพลอยเทียม เส้นผ่าศูนย์กลาง 3 นิ้ว พร้อม สายโละชุบทอง มีความยาวประมาณ 3 นิ้ว
– กำไลแผงหรือทองกร ลักษณะเป็นแผง ทาด้วยโลหะประดับพลอยเทียม กว้าง 17 นิ้ว ยาว 4 นิ้ว มีลักษณะเป็นแถว 4 แถว จานวน 1 คู่
– แหวนรอบ ทาด้วยโลหะชุบทอง ลักษณะเป็นลวดขดเป็นวงเรียงซ้อนกัน โค้งเป็น วงรอบและข้อเท้า
– ปะวะหล่ำ มีลักษณะเป็นวงกลม ทาด้วยลูกปัดทองและลูกปัดสี ร้อยสลับกัน
– ลูกไม้ปลายมือ มีลักษณะเป็นสร้อยข้อมือ ห้อยตุ้งติ้งเป็นลวดลายต่าง ๆ
– กำไลข้อเท้า มีลักษณะเป็นวงกลม ตีลวดลาย ปลายทั้งสองคล้ายดอกบัวตูม ทำด้วยโลหะชุบทอง 1 คู่
อาวุธ อาวุธที่ใช้ในการแสดงนางสามนัก คือ กระบอง
– กระบอง ทำจากไม้ ปลายด้านล่างเป็นที่จับทำสีแดง ส่วนปลายด้านบนมีลักษณะเกลียวทาสีเงิน หรือระดับกระจก เพื่อความสวยงาม มีความยาวทั้งหมดประมาณ 18 นิ้ว
จากการศึกษาพบว่า เครื่องแต่งกาย ซึ่งประกอบด้วย หัวโขน พัสตราภรณ์ ถนิมพิมพาภรณ์ และอาวุธ ล้วนแต่มีความสำคัญต่อการแสดงโขนทั้งสิ้น ซึ่งความสำคัญดังกล่าวนี้ เป็นตัวกำหนด เพศ คือการนุ่งผ้าแบบหน้านาง เชื้อสาย คือลักษณะหัวโขนที่บ่งบอกถึงความเป็นยักษ์ ยศถาบรรดาศักดิ์ คือเครื่องระดับที่แสดงถึงบทบาทน้องสาวทศกัณฐ์เจ้าเมืองกรุงลงกา รวมทั้งลักษณะอื่นๆของตัวละคร
บทโขนที่ใช้ในการแสดง ชุด สำมนักขาชมไพร
– ปี่พาทย์ทำเพลงวา –
– อ่านทำนองโคลง –
(สำมนักขายืนนิ่ง)
สำมนักขาชื่ออ้าง นางขนิษฐ์ทศกัณฐ์ ฉวีกายสกลวรรณ เป็นเอกชาเยศได้ |
อสุรพันธุ์ แก่นไท้ เขียวสด สะอาดนอ อยู่ด้วยชิวหา |
– ร้องเพลงสิงโต –
เที่ยวเตร่ตระเวณหาคู่ ยิ่งกำหนัดกลัดกลุ้มคลุ้มใจ |
ดูใครจะต้องตาก็หาไม่ ก็เหาะข้ามสมุทรไปด้วยฤทธา |
– ปี่พาทย์ทำเพลงกราวใน – เชิด –
– ร้องเพลงต่อยหม้อ –
ครั้นถึงฟากฝั่งสาคร เที่ยวเสาะสุ่มแสวงหาทุกแห่งมา |
บทจรตามแถวแนวป่า จนถึงโคธาวารี |
– ปี่พาทย์ทำเพลงฉิ่ง –
– ร้องเพลงต้นวรเชษฐ์ –
พินิจพิศทั่วทั้งองค์ จะว่าเป็นพระอิศวรทรงชัย จะว่าพระนารายณ์ฤทธิรอน จะว่าท้าวธาดาธิบดี แม้นจะว่าองค์ท้าวสหัสนัยน์ จะว่าพระสุริยาวรารักษ์ ครั้นจะว่าเป็นองค์พระจันทร ชะรอยเป็นจักรพรรดิกษัตรา |
มีความพิศวงสงสัย ก็ไม่มีสังวาลย์นาคี ก็ไม่เห็นพระกรเป็นสี่ เหตุใดไม่มีสี่พักตร์ ไยจึงไม่ทรงมีวิเชียรจักร ไยไม่ชักรถจากฟากเมฆา ก็ผิดที่ไม่จรอยู่เวหา ทิ้งสมบัติพลัดมาเป็นชีไพร |
– ร้องร่าย –
ยิ่งพิศยิ่งพิศวาสกลุ้ม สุดจะระงับบังคับใจ |
รสรักรึงรุมดังเพลิงไหม้ ก็ร่ายเวทแปลงไปในทันที |
– ปี่พาทย์ทำเพลงรัว –