ชำมะเลียงขาว พรรณไม้หายากต้องอนุรักษ์ไว้
ผศ.วิชัย ปทุมชาติพัฒน์
ความนำ เมื่อกล่าวถึง“ชำมะเลียง” มีน้อยคนที่จะรู้จักผลไม้พื้นเมืองถิ่นเอเชียต้นนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใดก็ตาม แต่ถ้ากล่าวถึง “ชำมะเลียงขาว” ก็จะเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนที่รู้จักชำมะเลียงชนิดเดิมอยู่แล้ว ชำมะเลียงขาวเป็นพืชกลายพันธุ์มาจากชำมะเลียงชนิดดั้งเดิมที่มีผลสีม่วงดำ นานมาแล้วที่ผู้เขียนได้เห็นชำมะเลียงขาวในสวนของชาวบ้านแห่งหนึ่งแถวบางมดที่เขาอนุรักษ์พันธุ์ส้มบางมดไว้ เจ้าของหวงชำมะเลียงขาวมาก เพราะหายาก ติดผลน้อยกว่าชำมะเลียงชนิดเดิม และมาพบอีกครั้งเมื่อต้นปีนี้ที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ที่อยู่ใกล้สวนจตุจักร ซึ่งมีจำนวน 2 ต้น สูงราว3เมตร ที่กำลังออกดอกและติดผลอ่อน ก็เลยไปติดตามพัฒนาการของผลทุกสัปดาห์ต่อเนื่อง จนได้ภาพถ่ายและข้อมูลครบวงจรมาเผยแพร่ให้รู้จักกันในวงกว้างยิ่งขึ้น
“ชำมะเลียงขาว” มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกับ “ชำมะเลียง”ชนิดเดิมทุกประการ จนไม่สามารถแยกชนิดได้หากไม่ออกดอกติดผลให้เห็น การนำต้นกล้าชำมะเลียงมาวางขายริมทางจะขาดความเชื่อถือจากผู้ซื้อ ผู้สนใจสามารถหาซื้อจากผู้ขายในอินเตอร์เน็ทจากผู้ขายที่เชื่อถือได้ในราคาที่ค่อนข้างแพง เพื่อนำมาเป็นพืชสะสมในสวนอนุรักษ์หรือสวนสาธารณะนั่นเอง
ชำมะเลียง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Lepisanthes fruticosa (Roxb.) Leenh.
ชื่อวงศ์ SAPINDACEAE
ชื่อสามัญ Luna nut หรือ Chammaliang
ชื่ออื่น โคมเรียง พูเวียง มะเถ้า ผักเต้า หวดข้าใหญ่ ภูเวียง ชำมะเลียง พุมเรียง ชุมเรียง
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 4-7 เมตร เปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาลแตกเป็นร่อง มีขนสีน้ำตาลตามกิ่งอ่อนและยอดอ่อน ใบประกอบแบบขนนกชนิดปลายคู่ ออกเรียงสลับ มีใบย่อยประมาณ 5-7 คู่ ออกเยื้องกันเล็กน้อย ลักษณะของแผ่นใบย่อยเป็นรูปรีแกมขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบมนหรือสอบเข้า ขอบใบเรียบ ใบย่อยกว้าง 2-3 ซม. ยาว 7-21 ซม. แผ่นใบหนา หลังใบเรียบเป็นมัน ส่วนท้องใบเรียบ ก้านใบยาวประมาณ 2-3 ซม. มีหูใบขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นแผ่นกลมเด่นชัดบริเวณโคนก้านใบโอบติดกับกิ่งหรือลำต้น ซึ่งเป็นลักษณะที่หาได้ยากในพืชอื่น ดอกออกเป็นช่อแบบช่อกระจะ(raceme)ออกตามกิ่งใหญ่และลำต้น ช่อดอกห้อยลง ยาวได้ถึง 55 ซม. ดอกย่อยในแต่ละช่อจะมีทั้งชนิดสมบูรณ์เพศและไม่สมบูรณ์เพศ ดอกเป็นสีขาวครีม ดอกเมื่อบานจะมีขนาดกว้างประมาณ 5-7 มม. กลีบดอกมี 5 กลีบแยกกัน ที่ฐานจะเรียวเล็ก ดอกเพศผู้มีเกสรเพศผู้ 8 ก้าน อกเพศเมียมีเกสรเพศเมีย 1 ก้าน มีรังไข่ติดอยู่เหนือฐานรองดอก รังไข่มี 3 พู 3 ห้อง ในแต่ละห้องจะมีไข่ 1 อัน กลีบเลี้ยงเป็นขาว(หรือสีม่วง) มี 5 กลีบ ลักษณะรูปรี ออกดอกในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนธันวาคม ผลสดออกเป็นช่อ ในช่อหนึ่งมี 20-30 ผล ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลมหรือแป้น รูปไข่ หรือรูปไข่ถึงรูปรีป้อม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2-3 ซม. ผิวผลเรียบเป็นมัน ผลสดเป็นสีเขียว(หรือเขียวอมม่วงแดง) เมื่อผลสุกจะเปลี่ยนเป็นขาว(หรือสีม่วงดำ) เนื้อผลฉ่ำน้ำ มีรสหวาน รับประทานได้ ภายในผลมีประมาณ 1-2 เมล็ด และอาจพบถึง 3 เมล็ด ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปทรงกลมหรือรูปไข่ปนขอบขนาน ผิวเรียบเป็นสีดำ มีขนาดกว้าง 1-1.5 ซม.และยาว 1.5-2.0 ซม. ติดผลในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนธันวาคม และแก่ในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ (ข้อความในวงเล็บเป็นลักษณะของชำมะเลียงชนิดเดิม)
ประโยชน์ของชำมะเลียง
- ผลสุกใช้รับประทานเป็นผลไม้ ผลสุกจัดมีรสหวาน ผลห่ามรสหวานอมฝาด ถ้ารับประทานผลห่ามเกินไปจะทำให้ท้องผูก
- ใบอ่อน ยอดอ่อนสามารถนำมาใช้ทำแกงใส่ผักรวม แกงเลียง หรือใช้เป็นผักสดจิ้มน้ำพริก รวมทั้งนำมาต้มจิ้มกินกับน้ำพริกหรืออาหารรสจัด
- นำมาใช้ทำเป็น “น้ำชำมะเลียง”โดยมีส่วนผสมของ ชำมะเลียงสุกงอม น้ำเชื่อม เกลือป่นและน้ำต้ม โดยนำผลชำมะเลียงที่สุกงอมมาล้างให้สะอาด แล้วยีให้เนื้อแยกออกจากเมล็ด เติมน้ำต้มลงไป กรองเอาเมล็ดและเปลือกออก แล้วเติมน้ำเชื่อมและเกลือ ชิมรสชาติได้ตามชอบ ก็จะได้น้ำชำมะเลียง
- สีม่วงที่ได้จากผลสามารถนำมาใช้เป็นสีผสมอาหารได้
- ปลูกเป็นไม้ประดับได้ เพราะทรงพุ่มแน่น ใบมีสีเขียวเข้มตลอดปี เมื่อผลิใบใหม่จะเป็นสีเขียวอ่อนแกมเหลืองสดใส ส่วนผลก็มีสีสันสวยงาม โดยนิยมปลูกแซมไว้ตามสวนผลไม้ทั่วไป หรือใช้ปลูกเพื่อการจัดสวนตามบ้าน ตามสถานที่ราชการ สวนสาธารณะ หรือใช้ปลูกเป็นพืชอาหารสัตว์ป่าในป่าอนุรักษ์
สรรพคุณของชำมะเลียง
- รากมีรสเบื่อจืดและขมเล็กน้อย ใช้เป็นยาแก้ไข้ ใช้กินแก้ไข้เหนือ ไข้กาฬ ไข้พิษ ไข้สันนิบาต ไข้สั่น ไข้กำเดา แก้เลือดกำเดาไหล ช่วยแก้อาการร้อนใน ช่วยแก้อาการกระสับกระส่าย แก้ระส่ำระสาย ช่วยทำให้ระบบทางเดินอาหารเป็นปกติ ช่วยแก้อาการท้องผูก แก้ไม่ผูกไม่ถ่าย
- ผลสุกหรือผลแก่ช่วยแก้ท้องเสีย คนโบราณจะใช้ผลแก่สีดำที่มีรสฝาดหวานให้เด็กรับประทานเป็นยาแก้โรคท้องเสีย
หมายเหตุ
- ชำมะเลียงขาว สุกแล้วสีขาวเหมือนน้ำนมกินแล้วปากไม่ดำ แต่ระยะหลังนี่ชักหายากเต็มทน เห็นมีขายตามงานต้นเล็กๆ ก็ตั้งหลายร้อยแถมเป็นพันธุ์เนื้อบางอีกต่างหาก
- ชำมะเลียงจัดเป็นไม้ผลชนิดหนึ่งโตค่อนข้างช้า ชำมะเลียงขาวจะมีดอกและผลสีขาว จัดว่าเป็นของแปลก เพราะชำมะเลียงชนิดเดิมจะมีดอกเป็นสีม่วง หรือสีเลือดหมู
- ต้นชำมะเลียง มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แพร่กระจายพันธุ์ตามธรรมชาติ อยู่ใน พม่า ไทย กัมพูชา ลาว เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
- ชำมะเลียง เป็นไม้ผลในวงศ์เดียวกันกับ เงาะ ลิ้นจี่ ลำไย มะหวด คอแลน เป็นต้น
- ขยายพันธุ์ได้ง่ายด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ขึ้นได้ดีในดินทุกชนิดรวมทั้งดินเค็ม ทนทานต่อโรคและแมลงได้ดี
อ้างอิง
http://www.dnp.go.th/flora/plant_pages
http://www.komchadluek.net/news/agricultural/176244
http://www.qsbg.org/database/botanic
http://www.shc.ac.th/learning/botanical-garden/72.htm https://th.wikipedia.org/wiki
http://tropical.theferns.info/viewtropical.php?id=Lepisanthes+fruticosa