ผศ.วิชัย  ปทุมชาติพัฒน์


ความนำ พรรณไม้ในวงศ์จิก หรือ FAMILY LECYTHIDACEAE มีชื่อคำว่า“จิก”นำหน้าหลายชื่อ ล้วนแล้วแต่เป็นพรรณไม้ดอกสวยมีกลิ่นหอม และดอกบานกลางคืน เช่น จิกทะเล จิกนา จิกนมยาน จิกนา จิกเศรษฐี และจิกสวน เป็นต้น ผู้พบเห็นจิกเหล่านี้ก็จะสับสนว่า ต้นที่พบเป็นจิกชนิดใด บทความนี้ขอเขียนถึง “จิกสวน” ก่อน เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว เนื่องจากจิกสวนที่ผู้เขียนปลูกไว้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยามากว่า10ปีนั้นกำลังออกดอกส่งกลิ่นหอม ดอกที่ร่วงอยู่ตามพื้นใต้โคนต้นก็ยังสวยสะดุดตา  ผู้พบเห็นก็จะสงสัยว่าต้นอะไร ใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ผลคล้ายแอปเปิลนั้นกินได้หรือไม่ บทความนี้จะให้ความกระจ่างพร้อมภาพประกอบ

 

จิกสวน

ชื่อวิทยาศาสตร์  Barringtonia racemosa (L.) Spreng

ชื่อวงศ์ LECYTHIDACEAE หรือ BARRINGTONIACEAE)[

ชื่อสามัญ  Powderpuff tree,  Bottle brush oak

ชื่ออื่น จิกน้ำ จิกบ้าน  

ถิ่นกำเนิด ไทย และกระจายพันธุ์ไปถึงอินเดีย ศรีลังกา อินโดนีเซีย ตอนใต้ของแอฟริกา จนถึงหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก เนื่องจากผลมีน้ำหนักเบา ลอยน้ำได้ดี ทำให้กระจายพันธุ์ไปได้แพร่หลายและรวดเร็ว

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูงได้ถึง 20 เมตร แตกกิ่งก้านสาขามาก เปลือกลำต้นสีน้ำตาลปนเทา มีลักษณะขรุขระ เปลือกชั้นในเป็นสีน้ำตาลอ่อนถึงสีชมพู มีเส้นใยเหนียว ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเรียงเวียนรอบกิ่ง เป็นกระจุกหนาแน่นที่ปลายกิ่ง ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลับ รูปไข่กลีบแกมรูปขอบขนาน หรือรูปหอก ปลายใบเป็นติ่งแหลม โคนใบสอบแคบ ขอบใบหยักตื้นมนและละเอียด หรือเป็นจักฟันเลื่อยเล็กน้อย  กว้าง 10-15 ซม. ยาว 20-30 ซม. ยอดอ่อนสีน้ำตาลแดง มันวาว  แล้วเปลี่ยนเป็นสีเขียว เนื้อใบหนา  หยาบ ก้านใบสั้นและเป็นครีบเล็กน้อย ดอกเป็นช่อกระจะที่ปลายยอดและห้อยลง  ช่อดอกมีความยาวประมาณ 30-90 ซม. ก้านช่อดอกเป็นสีชมพูอมเขียว ดอกทยอยบานตั้งแต่โคนช่อดอกลงไปวันละ 5-10 ดอก หลายวันจนกว่าจะบานหมดทั้งช่อ กลีบดอกสีชมพู 4 กลีบ ปลายกลีบแหลม กว้าง 0.5-1.0 ซม. ยาว 1.5-2.5 ซม. กลีบเลี้ยง 2-4 กลีบ ติดกันเป็นแผ่นเดียว เกสรเพศผู้เป็นเส้นเล็กสีชมพูเข้มจำนวนมาก ยาว 2.5-4 ซม. โคนเกสรเชื่อมติดกัน โคนก้านเป็นสีชมพูเข้มกว่าส่วนบน เรียงเป็นชั้น 5-6 ชั้น ออกดอกในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน มีกลิ่นหอม บานกลางคืน และร่วงโรยตอนเช้ามืด ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ผลเป็นรูปลูกข่าง หัวป้านปลายตัดตรงจนแหลม โคนแคบเกือบเป็นรูปสามเหลี่ยม กลีบเลี้ยงติดที่ขั้วผลจนผลแก่ ผลกว้าง 4-6 ซม. ยาว 5-7 ซม. มีเมล็ดเดียว รูปไข่ ผิวเป็นร่อง

การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด และ การตอนกิ่ง

สภาพนิเวศน์ เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีแสงแดดรำไรถึงแสงแดดจัด ชอบน้ำมาก ขึ้นได้ดีตามริมน้ำ ขอบป่าพรุ หรือในที่ลุ่ม ที่ชื้นแฉะ หรือบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง เช่น ตามริมฝั่งแม่น้ำ คูคลอง ร่องสวน เป็นต้น

ประโยชน์ 1. ใบอ่อนของต้นจิกสวน นำมาใช้รับประทานเป็นผักสดกับอาหารรสจัดพวกลาบ น้ำพริก และอาหารภาคใต้  มีรสชาติดีเฉพาะตัว ค่อนข้างฝาดแต่มัน นิยมรับประทานกันไม่เฉพาะในคนไทยเท่านั้น แต่คนชาติอื่น ๆ ก็นิยมรับประทานเช่นกัน

2. ดอกของต้นจิกมีความสวยงาม มีกลิ่นหอม อีกทั้ง ใบ ผล และทรงพุ่มก็สวยงาม จึงนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ ทั้งในบ้าน ในวัด สวนสาธารณะ และสถานที่อื่นๆอีกมาก

3. เนื้อไม้จิกสวนเป็นไม้เนื้ออ่อน มีสีขาวแกมสีแดง มีความเหนียว สามารถนำมาใช้ในงานก่อสร้างในร่มได้ดี หรือนำมาใช้ในการทำเครื่องมือเครื่องใช้ ครก สาก เครื่องเรือน ทำเรือ ทำพาย ทำเกวียน เป็นต้น

4. ผลแห้งของจิสวน นำมาตกแต่ง หรือประดิษฐ์เป็นของประดับได้สวยงาม

หมายเหตุ ต้นจิกสวน เป็นต้นไม้ในพระพุทธประวัติ  ในพุทธประวัติกล่าวไว้ว่า หลังจากพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้ว ได้ทรงย้ายไปประทับนั่งเสวยวิมุตติสุขอยู่ใต้ต้นจิก 7 วัน และในระหว่างนั้นเองก็ได้มีฝนตกพรำและมีลมหนาวพัดตลอดเวลา ก็ได้มีพญานาคตนหนึ่งชื่อพระยามุจลินท์นาคราช ได้แผ่พังพานปกป้องพระพุทธเจ้าจากฝนและลมหนาวตลอดทั้ง 7 วันใต้ต้นจิก นี่คือมูลเหตุของการสร้างพระพุทธรูปปางนาคปรกสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

อ้างอิง 1. http://book.baanlaesuan.com/plant-library/wild-guava/

2. https://medthai.com

3. https://th.wikipedia.org/wiki