“มัน” ที่นำหัวมารับประทานโดยทั่วไปนั้น จะเป็นพืชในวงศ์กลอย หรือ FAMILY DIOSCOREACEA ซึ่งเป็นมันที่คุ้นเคยกันมาเนิ่นนาน เช่น มันมือเสือ มันเลือด มันเทียน มันเสา รวมทั้งกลอย แต่สำหรับ “มันขี้หนู”นั้น หัวเหมือนมัน แต่กลับไม่ได้อยู่ในกลุ่มมันดังกล่าว เพราะ“มันขี้หนู” อยู่ในวงศ์โหระพากระเพรา หรือ FAMILY LAMIACEAE ซึ่งเป็นเรื่องแปลก เพราะพืชวงศ์นี้เป็นพืชผักเป็นส่วนใหญ่ เช่น โหระพา กระเพรา แมงลัก สระแหน่ ยี่หร่า มิ้นท์ หูเสือ และที่เป็นไม้ดอกไม้ประดับเศรษฐกิจที่คุ้นเคย เช่น แซลเวีย ฤษีผสม ที่แปลกไปจากเพื่อนคือ “เฉาก๊วย” ก็เป็นญาติในวงศ์เดียวกันกับมันขี้หนู

มันขี้หนู

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Plectranthus  rotundifolius

วงศ์ : LAMIACEAE 

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

เป็นพืชล้มลุก ลำต้นตั้งตรง สูง 35-55 ซม. ลำต้นและกิ่งก้านเป็นเหลี่ยม มีขนปกคลุม อวบน้ำ เมื่อโตเต็มที่แล้วจะสร้างหัวขนาดเล็ก ลักษณะเรียวยาว ทรงกระบอก หัวท้ายป้าน สีน้ำตาลอมดำหรืออมแดง ขนาดหัว 1-3 ซม. ยาว 3-6 ซม. เปลือกหัวบาง เนื้อหัวด้านในมีสีขาวอมเหลืองหรือสีครีมหรือสีม่วงอ่อน ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน รูปกลมแกมไข่ ปลายใบมน ใบหนาขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย มีรูปร่างคล้ายใบฤษีผสม มีขนปกคลุมทั้งสองด้าน เมื่อเด็ดดมจะมีกลิ่นหอม ก้านใบยาว 2-3 ซม. ใบกว้าง 4.5-6.5 ซม. ยาว 5-7 ซม.  ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอดลำต้น คล้ายช่อดอกโหระพา ก้านช่อดอกยาวประมาณ 5-20 ซม. มีดอกย่อยจำนวนมาก กลีบดอกสีม่วง ไม่ค่อยติดเมล็ด

ประโยชน์ของมันขี้หนู

คนใต้นำมาใส่ในแกงส้ม แกงไตปลา แกงกะทิ ต้มจิ้ม  ทำเป็นของหวาน หรือนำไปต้มกับเกลือให้ออกรสเค็ม หรือหุงกับข้าว เนื้อหัวมันละเอียด ให้รสมัน และหวานเล็กน้อยทำให้สุกแล้วนำมารับประทาน ทั้งนี้ต้องขูดเปลือกด้านนอกออกให้หมดก่อนนำมาใช้ประโยชน์

การปลูกมันขี้หนู

เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุย พื้นที่ปลูกเป็นที่ดอน มีแสงแดดส่องตลอดวัน อาจปลูกแซมในสวนยางและสวนปาล์มที่มีอายุน้อยเพราะยังมีแสงแดดส่องทั่วแปลง หากปลูกในแปลงก็เตรียมแปลงเหมือนพืชไร่ทั่วไป โดยปลูกด้วยหัวขนาดเล็กหลุมละ 2-3 หัว หรือเด็ดยอดมาปักชำ ระยะปลูก 30 x 50 ซม. ให้ปุ๋ยคอกได้ในระยะแรก เมื่อโตแล้วใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น 15-15-15 บำรุงตามปกติเดือนละครั้ง เมื่ออายุ 5-6 เดือน ให้ใส่ปุ๋ยบำรุงหัวที่มีตัวท้ายสูง เช่น 13-13-21 จะทำให้หัวสมบูรณ์ เมื่ออายุ6 เดือนก็เก็บเกี่ยวหัวมาใช้ประโยชน์ได้ โดยใช้มือถอนต้นขึ้นมา สามารถจำหน่ายได้ในราคาสูง กิโลกรัมละ 30-80 บาท