บทที่  1
บทนำ

ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา

คณิตศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาความคิดมนุษย์ ทำให้มนุษย์มีความคิดสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างถี่ถ้วน รอบคอบช่วยให้คาดการณ์วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหา และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม นอกจากนี้คณิตศาสตร์ยังเป็นเครื่องมือในการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและศาสตร์อื่น ๆคณิตศาสตร์จึงมีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข  (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551, น. 50)

เนื่องจากการศึกษาไทยการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในแต่ละปีมีเกณฑ์ที่ค่อนข้างต่ำกว่าระดับมาตรฐาน  ซึ่งสังเกตได้จากผลการทดสอบระดับชาติ (O-NET) ปี 2557 พบว่า ในวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 29.65  จากผลการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในปี 2557 นี้จะเห็นได้ว่า ในวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนในแต่ละชั้นปียังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่าระดับมาตรฐานและเป็นวิชาที่นักเรียนทำคะแนนได้ต่ำสุดของปีนี้ ซึ่งก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในภาพรวมของระดับการศึกษาไทยที่จะต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาศักยภาพและประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้นไป (สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ, 2557, ออนไลน์)

ในปัจจุบันมีการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่หลากหลายและแตกต่างกันออกไป โดยอาจจะแบ่งตามลักษณะของตัวผู้เรียน หรือแบ่งตามความสามารถของผู้เรียนทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ครู และนักเรียนเป็นหลัก เพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดีและสามารถนำไปใช้ได้มากที่สุด

แบบฝึกทักษะมีความสำคัญต่อผู้เรียนไม่น้อย ในการที่จะช่วยส่งเสริมสร้างทักษะให้กับผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้และเข้าใจได้เร็วขึ้น ชัดเจนขึ้น กว้างขวางขึ้นทำให้การสอนของครูและการเรียนของนักเรียนประสบผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ (สุวิทย์ มูลคำ และสุนันทา สุนทรประเสริฐ, 2550,  น. 53)

จากเหตุดังกล่าวข้างต้น ผู้วิจัยจึงมีความสนใจในการสร้างแบบฝึกทักษะการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว มาใช้เป็นสื่อประกอบการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ในเรื่องการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้ดีขึ้น และเพื่อนำผลที่ได้มาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ให้น่าสนใจและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

วัตถุประสงค์ของการวิจัย

  1. เพื่อสร้างแบบฝึกทักษะ เรื่อง การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว วิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 60/60
  2. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนเรียนและหลังเรียน

สมมติฐานของการวิจัย

  1. แบบฝึกทักษะ เรื่อง การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว วิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 60/60
  2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน

ขอบเขตของการวิจัย

ประชากร

ประชากรที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนแจงร้อนวิทยา เขตราษฎร์บูรณะ จังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีจำนวน 4 ห้องเรียน รวมจำนวนทั้งหมด 91 คน

กลุ่มตัวอย่าง

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 โรงเรียนแจงร้อนวิทยา เขตราษฎร์บูรณะ จังหวัดกรุงเทพมหานคร ปีการศึกษา 2558 โดยใช้วิธีการสุ่มแบบเจาะจง จำนวน 23 คน เนื่องจากผลการเรียนของนักเรียนค่อนข้างต่ำกว่าเกณฑ์ในภาคเรียนที่ 1

เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัย

เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัย อยู่ในวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1  ปีการศึกษา 2558 ประกอบด้วยเนื้อหา ดังนี้

  • สมบัติของการเท่ากัน
  • การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
  • โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว

ตัวแปรที่ศึกษา

  1. ตัวแปรอิสระ คือ การจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
  2. ตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว

นิยามศัพท์เฉพาะ

  1. แบบฝึกทักษะ หมายถึง  แบบฝึกที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นสำหรับผู้เรียนเพื่อให้ผู้เรียนได้ทำแบบฝึกเสริมทักษะเรื่องการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว โดยจะเริ่มจากการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวจากง่ายไปหายาก เพื่อให้นักเรียนได้เกิดความคุ้นเคยและมีความสามารถในการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวที่ดีขึ้น
  2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง คะแนนที่ได้จากการทำแบบทดสอบ
    วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ซึ่งเป็นข้อสอบปรนัย 4 ตัวเลือก มีทั้งหมด 20 ข้อ
  3. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ หมายถึง แบบฝึกทักษะมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 60/60 จำแนกเป็น
    60  ตัวแรก  หมายถึง  ประสิทธิภาพของกระบวนการแบบฝึกทักษะ
    60  ตัวหลัง  หมายถึง  ประสิทธิภาพของผลสัมฤทธิ์แบบทดสอบหลังเรียน
  1. นักเรียน หมายถึง ผู้ที่กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนแจงร้อนวิทยา เขตราษฎร์บูรณะ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 กรุงเทพมหานคร
  2. วิชาคณิตศาสตร์ หมายถึง เนื้อหาวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ค 21102 เรื่อง การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

ประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย

  1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
    วิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้แบบฝึกทักษะสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 60
  2. นักเรียนมีทักษะกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบแบบแผนมากขึ้น
  3. ครูผู้สอนสามารถนำปัญหาที่พบในการจัดการเรียนรู้เรื่อง การแก้สมการเชิงเส้น
    ตัวแปรเดียวไปปรับปรุงแก้ไขในการจัดการเรียนรู้หัวข้อต่อไปได้
  4. ผู้วิจัยได้ทราบรู้ถึงปัญหาเกี่ยวกับทักษะกระบวนการคิดของนักเรียน เพื่อเป็นแนวทาง ในการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะในเรื่องอื่นๆ